หมวดหมู่: เรื่องน่าสนใจ

► 9 ข้อดีของการดื่มไวน์

ไวน์ (Wine) เครื่องดื่มยอดนิยมทั่วโลก ที่มีรสชาติแตกต่างกันไปตามแหล่งผลิต ระยะเวลาการบ่ม รวมไปถึงชนิดของไวน์ ไม่ว่าจะเป็น ไวน์แดง (Red Wine) ไวน์ขาว (White Wine) ไวน์โรเซ่ (Rose Wine) เป็นต้น

หลายคนสงสัยว่า ไวน์ จะมีประโยชน์ได้อย่างไร ดื่มไวน์เพื่อสุขภาพได้อย่างไร ทั้งๆ ที่เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นั้นเพราะวัตถุดิบหลักอย่างองุ่น เป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณมากมาย ที่ช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง และลดภาวะเสี่ยงจากโรคร้ายได้อีกด้วย เฮเฟเล่ขอนำเสนอ ข้อดีและประโยชน์เพื่อสุขภาพของการดื่มไวน์

1.ชะลอความแก่ Anti Aging
ในองุ่น ก็เนื่องด้วยสารต้านอนุมูลอิสระในไวน์แดงช่วยป้องกันร่างกายจากความเสียหายจากอนุมูลอิสระและจะชะลอกระบวนการชรา ไวน์แดงมีความเข้มข้นของสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่าโพลีมากกว่า เมื่อเทียบกับน้ำองุ่น

นักวิจัยสเปนแนะว่าการดื่มไวน์แดงอาจช่วยชะลอความแก่ หลังพบสารเมลาโทนินในผิวองุ่น รวมถึงอาหารอีกหลายชนิด เช่น หอมหัวใหญ่ ข้าว และเชอรี่ สามารถปกป้องเซลล์จากการถูกทำลายตามอายุขัยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งควรจะเริ่มกินตั้งแต่อายุย่างเข้า 30 ปี เพราะไวน์แดง ชะลอความแก่ ได้จริง แล้วยังช่วยปรับปรุงสุขภาพหัวใจ แต่คุณก็ควรที่จะดื่มในปริมาณที่เหมาะสมเช่นกันค่ะ

2.ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
สารเรสเวอราทรอล (Resveratrol) ในไวน์ช่วยให้หัวใจแข็งแรง สารดังกล่าวทำหน้าที่เปลี่ยนระดับไขมันคอเลสเตอรอลในเลือด เลือดไม่เกาะกันเป็นก้อน ลดปัญหาการอุดสันในเส้นเลือด ทำให้ลดความเสี่ยงที่เกิดโรคหัวใจได้ 30-40 %

การดื่มไวน์แดงในปริมาณที่พอเหมาะ อย่างสม่ำเสมอทุกวันเหมือนที่ชาวฝรั่งเศสปฏิบัติกันเป็นปกตินิสัย ทำให้ชาวฝรั่งเศสมีอัตราเสี่ยงต่อโรคหัวใจ และโรคหัวใจล้มเหลวลดลงถึง 50 %

ส่วนไวน์ขาวนอกจากจะเป็นเครื่องดื่มที่สร้างความสดชื่นให้กับร่างกายแล้ว ยังทำให้อาหารทะเลมีรสชาติถูกปากอร่อยลิ้น ที่สำคัญมีสรรพคุณช่วยย่อยอาหารและ สามารถกำจัดพิษจากอาหารทะเลที่เป็นอันตรายต่อระบบย่อยอาหารได้อย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง

3.ลดและป้องกันมะเร็ง
สารเรสเวอราทรอล (Resveratrol) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งซึ่งพบได้ในองุ่น ราสเบอร์รี ถั่วลิสง และพืชอื่นๆ มีหลักฐานว่า เรสเวราทรอลนั้นลดอนุมูลอิสระและลดอัตราการเกิดมะเร็งในสัตว์ทดลอง รวมทั้งลดการเจริญเติบโตของมะเร็งในถาดเพาะเชื้อได้ นอกจากนั้นยังลดสารเอ็นเอฟ แคปปา บี (NF kappa B) ซึ่งเป็นโปรตีนที่สร้างโดยระบบภูมิคุ้มกันที่ถูกกระตุ้นอีกด้วย ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ดื่มไวน์ต้านมะเร็งได้

4.ลดปริมาณคอเลสเตอรอล
เป็นที่ทราบกันดีว่าในไวน์แดง มีแทนนินหรือความฝาด ซึ่งนอกจากจะป้องกันการเกิดโรคหัวใจแล้ว ยังช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด หากมีคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดมากๆ อาจทำให้เกิดการไหลเวียนของเลือดผิดปกติได้

5.ช่วยในการย่อย
อาหารประเภททอด อาหารแปรรูป จะมีสาร Malonaldehydes ซึ่งสารเหล่านี้ส่งผลร้ายต่อระบบทางเดินอาหารให้แก่ร่างกาย มีการศึกษาพบว่าการดื่มไวน์แดงกับอาหารดังกล่าวช่วยลบล้างสารเหล่านี้ได้ถึงร้อยละ 60-70 ดังนั้นความสามารถในการช่วยการทำลายสารเหล่านี้ก็เป็นประโยชน์ในการย่อยอาหาร

6.ช่วยในลดและคลายความเครียด
ไวน์ช่วยเรื่องความเครียดได้ ไวน์เป็นยากล่อมประสาทชนิดหนึ่ง ช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย จึงช่วยลดความเครียดหรือคลายกังวล ทำให้นอนหลับพักผ่อนได้ยาวนานขึ้น

7.ป้องกันโรคความจำเสื่อม
นักวิจัยพบว่าไวน์แดงช่วยลดความจำเสื่อมได้ โดยสาร สารเรสเวอราทรอล (Resveratrol) ในไวน์แดง มีผลในการป้องกันการเสื่อมของสมอง

ทีมงานวิจัยได้ศึกษาคอไวน์ 7,983 คน ซึ่งดื่มไวน์เป็นประจำ วันละ 1 – 3 แก้ว ระหว่างปี1990 – 1999 พบว่าบุคคลดังกล่าวไม่เป็นโรคอัลไซเมอร์ และ โรคพาร์กินสันแต่อย่างใด

8.สุขภาพเหงือกและฟัน
ไวน์มีคุณสมบัติต่อต้านแบคทีเรียในช่องปาก และนอกจากนี้งานวิจัย แสดงให้เห็นว่า สารโพลีฟีน เป็นสารธรรมชาติที่พบในเมล็ดองุ่นและไวน์แดงจะมีคุณสมบัติช่วยในการต้านการอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียของเหงือก หรือเหงือกอักเสบ

9.ไวน์ช่วยป้องกันโรคหวัด
รู้หรือไม่ส่วนประกอบที่มีอยู่ในไวน์ช่วยป้องกันหวัดได้ ศูนย์โรคหวัดแห่งมหาวิทยาลัย คาร์ดีฟ เคยมีรายงานว่า คุณสมบัติของสารต้านอนุมูลอิสระ หรือสารแอนตี้ออกซิแดนท์อาจทำให้ไวน์แดง สามารถป้องกันหวัดได้ และยังมีผลการวิจัยอาสาสมัคร 4,000 คน เป็นเวลา 1 ปีพบว่า ผู้ที่ดื่มไวน์แดงมากกว่าวันละ 2 แก้ว เป็นหวัดน้อยกว่าคนที่ไม่ได้ดื่มไวน์เลยถึงร้อยละ 44

ดื่มไวน์อย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ ?
การดื่มไวน์เพื่อสุขภาพ หากดื่มในปริมาณที่เหมาะสมก็จะได้รับประโยชน์ แต่การดื่มในปริมาณที่มากเกินไปก็อาจส่งผลกระทบในทางลบได้ โดยปริมาณการดื่มไวน์อย่างเหมาะสมที่แนะนำ คือ ผู้ชายควรดื่มไม่เกิน 2 แก้ว /วัน หรือประมาณ 250 – 300 มิลลิลิตร และผู้หญิงควรดื่มไม่เกิน 1 แก้ว /วัน หรือประมาณ 125 – 150 มิลลิลิตร

ที่มา https://www.hafelethailand.com

► การเลือกซื้อกุ้งสด

การเลือกซื้ออาหารทะเล แน่นอนว่าสิ่งแรกคือต้งไม่มีกลิ่นเหม็น และสภาพโดยรวมสมบูรณ์ แต่จะเลือกอย่างไร เรามาดูกัน

  • เลือกกุ้งลำตัวใส ติดเปลือกแน่น เปลือกเงางาม
  • เลือกกุ้งที่หัวติดกับลำตัว ไม่หลุดออกจากกัน
  • เลือกกุ้งที่ครีบและหางเป็นมัน ไม่หลุดออกจากกัน

เพื่อรักษาความสดของกุ้งไว้ ควรใส่น้ำแข็งให้ก่อนกลับบ้านด้วย และเมื่อถึงบ้านแล้ว ให้รีบนำกุ้งเข้าช่อง Freeze ทันที เพื่อคงความสดให้คงนานกว่าเดิม

ที่มา https://www.tescolotus.com

► อาชีพวัยเกษียณ มีรายได้ช่วงบั้นปลายและมีกิจกรรมทำ

แม้จะเข้าสู่วัยเกษียณแล้ว แต่หลายคนก็ยังรู้สึกว่าไม่อยากที่จะอยู่เฉยๆ ยังมีไฟมีแรงที่อยากทำนู่นทำนี่ที่ตัวเองอยากทำ แก้เหงาและยังมีรายได้ด้วย

ปลูกต้นไม้ ทำเกษตร อาจจะปลูกต้นไม้เล็กๆ เช่น แคคตัส หว่าน ไม้ประดับ หรืออาจจะเป็นผักสลัดก็ได้ เพราะต้นไม้ขนาดเล็กดูแลง่ายไม่้ต้องออกแรงมาก

นักเขียน หลายคนที่หยุดงานแล้วแต่สมองยังคงโลดแล่น จินตนาการไม่หยุด สามาราถถ่ายทอดความคิดออกมาเป็นตัวหนังสือ ทั้งถ่ายทอดจินตนาการ หรือบางคนก็ถ่ายทอดประสบการณ์การทำงาน เดี๋ยวนี้การเขียนและการเผยแพร่ผลงานสามารถทำได้ง่ายในโลกออนไลน์ เช่น blog เขียนรีวิวเรื่องต่างๆ ที่ตนเองถนัด ไม่ต้องลงทุนตีพิมพ์เป็นเล่ม

โฮมสเตย์ บางท่านที่บ้านมีพื้นที่มาก มีห้องพักเหลือไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรก็ลองเอามาปล่อยเช่า นอกจากจะมีรายได้แล้วยังมีเพื่อนไว้พูดคุยแก้เหงาด้วย

เป็นที่ปรึกษา ให้กับหน่วยงาน องค์กร บริษัท โดยใช้ความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่มีตลอดการทำงานที่ผ่านมา พบว่าหลายๆ หน่วยงานมักจะเชิญคนวัยเกษียณมาเป็นที่ปรึกษา วิทยากร เพื่อช่วยแนะนำและตัดสินใจในเรื่องต่างๆ

เป็นตัวแทนประกัน เป็นงานหลังเกษียณที่เหมาะเพราะท่านจะมีเวลาใส่ใจดูแล และมีประสบการณ์ที่จะแนะนำได้

ช่างซ่อม หลายๆ ท่านที่มีความสามารถในงานช่าง งานซ่อม ได้ยกของได้ออกแรงบ้างก็จะช่วยให้ร่างการสดชื่น กระปรี้กระเปร่า

ขายภาพถ่ายออนไลน์ เป็นอาชีพที่อยู่ในกระแส เป็นที่นิยมสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูป ปัจจุบันมีหลายเว็บไซต์

ขายของออนไลน์ ในยุคที่อินเตอร์เนทเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว การซื้อขายของออนไลน์เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นทุกวัน ท่าก็ลองมองหาสินค้าที่ท่านสนใจและคิดว่ามีคนสนใจ และลองเริ่มต้นด้วยเงินลงทุนไม่มาก

ทำอาหารหรือขนมขาย ท่านที่ชอบการเข้าครัว ทำอาหาร ทำขนมอยู่แล้ว ชอบทำให้ลูกๆ หลานๆ หรือคนข้างบ้านอยู่แล้ว ก็ลองทำเป็นอาชีพเลยก็น่าจะดีไม่น้อย

ทำงานฝีมือ งานศิลปะ หลายๆ ท่านที่ชอบทำงานฝีมือแต่ช่วงที่ทำงานอาจจะไม่ึค่อยมีเวลาทำ ก็ลองทำในช่วงนี้ที่มีเวลาเต็มที่แล้ว ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบและขายได้อีกด้วย

รับจ้างเลี้ยงเด็ก ผู้สูงอายุหลายคนมีประสบการณ์เลี้ยงลูกเลี้นงหลานมาก่อน จึงเข้าใจเด็กๆ เป็นอย่างดี การได้อยู่กับเด็กทำให้เราอายุเยาว์ตามเด็กไปด้วย

ลงทุน สำหรับคนที่มีเงินเก็บอยู่และอยากให้เงินงอกเงย แต่ก็ไม่สะดวกที่จะทำอะไรเอง ก็อาจจะเลือกการลงทุนผ่านตัวแทน กองทุน หรือลงทุนในทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาล สลากออมทรัพย์ เงินฝากประจำหรือตราสารหนี้ ก็ได้

► 3 เคล็ดลับผ่อนบ้านให้หมดเร็ว

1 : โปะเพิ่มทุกๆ เดือน
ก่อนซื้อบ้านหรือคอนโดทุกครั้ง จะแนะนำเสมอว่า ถ้าอยากผ่อนบ้านให้หมดไวๆ ต้องโปะไปอีกเท่าตัวเสมอถ้าทำได้ เช่น เราจะต้องผ่อน 12,000 บาท/เดือน ก็จ่ายธนาคารไปเป็น 24,000 บาทไปเลย เทคนิคนี้จะช่วยทำให้เราผ่อนบ้านหมดภายใน 8-9 ปีเท่านั้น จากเดิม 30 ปี การโปะเพิ่ม 1 เท่าจะช่วยทำให้เราผ่อนบ้านเสร็จเร็วได้มากกว่า 70%
แต่ถ้าใครคิดว่าวิธีนี้มันดูทรมานเกินไปหรืออยากผ่อนบ้านแบบมีความสุข ไม่กดดันตัวเองมากเกินไป ก็อาจจะไม่ต้องโปะเยอะขนาดที่บอกไปก็ได้ แต่อาจจะโปะเพิ่มขึ้น 10-20% ของเงินผ่อนไปทุกเดือนแทน เช่น โปะเพิ่ม 10% ก็ผ่อนเดือนละ 13,200 บาท และถ้าสิ้นปีมีโบนัส ก็อาจจะเอาเงินก้อนมาโปะไปบางส่วน ก็จะช่วยร่นระยะเวลาในการผ่อนบ้านของเราได้เช่นกัน

2 : พยายามรีบโปะในช่วงอัตราดอกเบี้ยต่ำๆ
ถ้าระยะยาวเราไม่สามารถโปะเพิ่มขึ้น 1 เท่า ไปได้ตลอด แนะนำว่าช่วงปกติตอน 1-3 ปีแรก อัตราดอกเบี้ยมักจะต่ำ มากหรือน้อยตามโปรโมชั่นของแต่ละธนาคาร และหลังจากนั้นอัตราดอกเบี้ยจะพุ่งไปตาม MRR ในช่วงปีแรกๆ เราอาจเสียดอกเบี้ยแค่ 3-4% แต่หลังจากนั้นอาจจะกลายเป็น 5-8% ไปเลยก็ได้ เราจึงควรรีบโปะในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยต่ำๆ เพราะเงินต้นจะลดลงไปได้เยอะ เราก็ประหยัดดอกเบี้ยไปได้มากขึ้น ทำให้เราผ่อนหมดได้เร็วขึ้น แต่ถ้าเราไปโปะในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยสูงๆ เราอาจโปะไปแต่เงินต้นก็ไม่ได้ลดลงไปเท่าไหร่เลย

3 : รีไฟแนนซ์ (Refinance) หรือขอปรับอัตราดอกเบี้ยผ่อนบ้านหรือคอนโดกับธนาคารเดิม (Retention)
อธิบายการรีไฟแนนซ์ง่ายๆ คือ การไปกู้เงินจากธนาคารอื่นที่จ่ายดอกเบี้ยถูกกว่ามาจ่ายคืนธนาคารเดิมที่เคยกู้ เพราะเมื่อเราผ่อนครบ 3 ปี เราหมดโปรโมชั่นดอกเบี้ยต่ำกับธนาคารแล้ว ในปีที่ 4 ดอกเบี้ยจะลอยตัวขึ้นตาม แต่เราจะทำรีไฟแนนซ์ได้ตอนไหนอย่าลืมดูเงื่อนไขสัญญาที่ทำกับธนาคารก่อน ส่วนใหญ่จะทำได้ตอนหลัง 3 ปี หากเรารีไฟแนนซ์ก่อนระยะเวลาที่กำหนดในสัญญากู้ก็จะเสียค่าปรับ แบบนี้ถือว่าไม่คุ้ม
ทีนี้ตอนเราหาธนาคารใหม่ก็ทำเหมือนเดิม เหมือนตอนที่กู้ซื้อบ้านครั้งแรก คือ หาโปรโมชั่นจากแต่ละธนาคารมาเปรียบเทียบดูว่าธนาคารไหนดอกเบี้ยถูกที่สุด และถูกกว่าดอกเบี้ยที่เราจ่ายอยู่ปัจจุบัน เราก็ย้ายไปกู้กับธนาคารนั้น แต่อย่าลืมดูเงื่อนไขค่าธรรมเนียมและค่าจดจำนองด้วยว่าย้ายไปแล้วจ่ายน้อยลงจริงหรือไม่
แต่อีกสิ่งนึงที่อยากแนะนำสำหรับคนที่ผ่อนบ้านหรือคอนโด คือพยายามสร้างประวัติการผ่อนให้ดี เพราะหากเรามีประวัติการผ่อนดีอย่างน้อย 3 ปี เราสามารถเข้าไปคุยเพื่อปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้จ่ายถูกลงได้เลย โดยเราไม่ต้องไปรีไฟแนนซ์ เสียค่าธรรมเนียมค่าจดจำนองอีกครั้งกับธนาคารอื่น เราสามารถที่จะคุยขอลดดอกเบี้ยได้ ถ้าคุยดีๆ ไม่แน่อาจจะได้ดอกเบี้ยถูกกว่าย้ายไปรีไฟแนนซ์ธนาคารอื่นอีกด้วย ยิ่งเครดิตเราดีเท่าไหร่ เราก็สามารถที่จะต่อรองได้ง่ายขึ้นเท่านั้น

ที่มา
https://www.moneybuffalo.in.th
https://www.ddproperty.com
https://www.scb.co.th

► เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากต้นไม้จริงๆ

“แทนที่เราจะปลูกต้นไม้ปล่อยให้โตไปสัก 50 ปี แล้วค่อยโค่นมันเพื่อนำมาผลิตเป็นเฟอร์นิเจอร์ ผมจึงเกิดไอเดียว่าเรามาปลูกต้นไม้ในทรงที่เราต้องการเลยดีกว่า ปล่อยให้มันโตตามแบบของมัน พอเราจับมันเด็ดเข้าด้วยกัน เราก็จะได้เฟอร์นิเจอร์ชิ้นเดี่ยวแบบไร้รอยต่อ” – Gavin Munro

บนพื้นที่ 5 ไร่ ณ สวนแห่งหนึ่งในเมือง Derbyshire ประเทศอังกฤษ ถ้าบังเอิญเดินผ่านสวนแห่งนี้ คุณคงตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นต้นไม้ที่นี่ เติบโตมาโดยมีลำต้นรูปทรงแปลก ๆ อยู่หลายร้อยต้น แต่รู้ไหมว่าพวกมันกำลังจะเติบโตเป็น เก้าอี้, โคมไฟ และ โต๊ะ ในอนาคต

Gavin และ Alice Munro สองสามีภรรยาผู้เป็นเจ้าของสวนแห่งนี้ ทั้งคู่มีความต้องการที่จะทำธุรกิจอย่างยั่งยืนโดยใส่ใจสิ่งแวดล้อมและเพื่อนมนุษย์ “Farm furniture” จึงเป็นไอเดียที่ตอบโจทย์ โดยการผลิตเฟอร์นิเจอร์ของที่นี่ เรียบง่ายมาก เพียงแต่ต้องใช้ความใส่ใจและเวลาอย่างสูง

ทั้งคู่ได้ลองผิดลองถูกไปเรื่อย ๆ จนค้นพบว่า ก่อนจะดัดกิ่งให้เป็นทรงที่ต้องการ ต้องปล่อยให้ต้นไม้ได้เลื้อยไปตามสภาพแวดล้อม ได้เติบโตตามธรรมชาติในแบบของมัน ทั้งคู่ได้เปิดบริษัทชื่อ Full Grown ในปี 2013

“ขั้นตอนในการสร้างมันขึ้นมา คล้าย ๆ กับวิถี ZEN แบบ 3 มิติ” – คุณ Gavin กล่าว ด้วยขั้นตอนและวิธีการผลิตที่กว่าจะได้เก้าอี้สักตัว เฟอร์นิเจอร์สักชิ้น ต้องใช้ ฝีมือ แรงงาน ประสบการณ์ และเวลาอย่างมาก ต้นไม้บางต้นกว่าจะกลายมาเป็นเก้าอี้ให้เราได้นั่ง อาจจะต้องใช้เวลาถึง 10 ปีเลยทีเดียว

ส่วนใครที่สนใจซื้อเก้าอี้ของบริษัท Full Grown บอกเลยว่าอาจจะต้องรอนานหน่อย เพราะตอนนี้เก้าอี้ถูกจองไปจนถึงปี 2030 แล้ว

ที่มา https://www.facebook.com/pisamaifurniture

► ผลวิจัยเม็ดเลือดเผยอายุขัยที่แท้จริงของมนุษย์ ชี้อยู่ได้นานที่สุดถึง 150 ปี

แม้จะเคยมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ชี้ว่า คนเราสามารถมีชีวิตอยู่ได้ยาวนานที่สุดราว 120 ปี แต่ผลการศึกษาใหม่ที่วิเคราะห์วงจรชีวิตของเม็ดเลือดกลับให้ข้อมูลที่ต่างออกไป โดยพบสิ่งบ่งชี้ว่าอายุขัยสูงสุดที่แท้จริงของมนุษย์อาจมากถึง 150 ปี

ทีมนักวิจัยเชื้อสายรัสเซียจากบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ “เจโร” (Gero) ในสิงคโปร์ ตีพิมพ์เผยแพร่ผลการวิจัยข้างต้นในวารสาร Nature Communications โดยระบุว่าคนเราสามารถมีชีวิตยืนยาวได้อย่างมากที่สุดราว 120 – 150 ปี แต่จะไม่เกินไปกว่านั้น เนื่องจากความสามารถในการซ่อมแซมฟื้นฟูร่างกายในระดับเซลล์ได้หมดไปอย่างสิ้นเชิงในช่วงวัยดังกล่าว

  • พบความแก่ชรามีอย่างน้อย 4 แบบ คุณจะเป็นแบบไหนเมื่อสูงวัยมากขึ้น
  • มนุษย์ไม่ได้ชราลงอย่างต่อเนื่อง แต่ร่างกายถึงคราวทรุดโทรม 3 ครั้งใหญ่ในชีวิต
  • วิธีบำบัดใหม่ใช้กระแสไฟฟ้าอ่อนแตะใบหูช่วยชะลอวัย

ทีมผู้วิจัยทราบถึงขีดจำกัดของอายุขัยมนุษย์ได้ ด้วยการวิเคราะห์ผลตรวจนับเม็ดเลือดของประชากรต่างวัย 500,000 คนในสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และรัสเซีย เพื่อดูถึงสัดส่วนระหว่างเม็ดเลือดขาวสองชนิด กับความแตกต่างของขนาดเม็ดเลือดแดงที่ร่างกายผลิตออกมา ซึ่งยิ่งคนเรามีอายุมากขึ้น ความเปลี่ยนแปลงทั้งปริมาณและขนาดของเม็ดเลือดสองประการนี้ก็จะยิ่งปรากฏชัดขึ้น เหมือนกับผมที่หงอกขาวเมื่อเข้าสู่วัยชรา

ข้อมูลความเปลี่ยนแปลงของเม็ดเลือดดังกล่าว เป็นตัวบ่งชี้ทางชีวภาพ (Biomarker) ที่บอกได้ถึงระดับความชราหรืออายุทางชีวภาพ (Biological age) ที่แท้จริงของคนเรา ซึ่งอาจแก่กว่าหรืออ่อนเยาว์กว่าอายุที่นับจากวันเกิดก็ได้

ภาพขยายเซลล์เม็ดเลือดแดงขณะเกิดลิ่มเลือด


มีการนำข้อมูลเหล่านี้มาสร้างเป็นแบบจำลองคอมพิวเตอร์ เพื่อคำนวณหาสิ่งที่เรียกว่า “ตัวบ่งชี้สภาพของสิ่งมีชีวิตแบบมีพลวัต” (DOSI) ซึ่งตัวเลขนี้จะแสดงถึงความสามารถของมนุษย์ในการฟื้นตัวจากภาวะป่วยไข้หรือบาดเจ็บ และหากความสามารถนี้ยังคงอยู่ในช่วงวัยใดก็จะไม่ทำให้เกิดภาวะเครียดในร่างกายที่นำไปสู่ความชรา

ผลการคำนวณปรากฏว่า ความสามารถในการฟื้นตัวจากภาวะป่วยไข้หรือบาดเจ็บของคนเราจะหมดไปอย่างสิ้นเชิงในช่วงอายุ 120 – 150 ปี ส่วนผลการคำนวณอีกชุดที่ใช้ทวนสอบความถูกต้องของผลคำนวณอายุขัยดังกล่าว ใช้วิธีนับจำนวนก้าวเดินในแต่ละวันกับประชากรต่างวัยราว 5,000 คน ซึ่งก็คำนวณได้ผลออกมาเช่นเดียวกัน แม้ในกรณีนี้จะใช้จำนวนก้าวที่สามารถเดินได้เป็นตัวบ่งชี้ระดับความชราแทนข้อมูลเม็ดเลือดก็ตาม

อย่างไรก็ตาม การมีอายุขัยที่ยืนยาวมากขึ้นเป็นคนละเรื่องกับการมีสุขภาพที่ดีในวัยชรา ซึ่งทีมผู้วิจัยแนะว่าควรจะต้องมีการศึกษาต่อไปถึงช่วงอายุยาวนานที่สุดที่คนเราจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยมีสุภาพแข็งแรงดีด้วย

ปัจจุบันมนุษย์เจ้าของสถิติอายุยืนยาวที่สุดในโลกได้แก่ จานน์ แกลมองต์ คุณทวดหญิงชาวฝรั่งเศส ซึ่งเสียชีวิตในปี 1997 ด้วยวัย 122 ปี กับอีก 164 วัน

ที่มา : https://www.bbc.com/thai/features-57298728

► 9 วิธีจัดการเวลา ให้คุณจัดการสิ่งต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในวันหนึ่งๆ เรามีเวลาเท่าๆ กัน แต่เคยสังเกตหรือเปล่าว่าทำไมบ้างคนทำอะไรได้มาก ในขณะที่บ้างคนทำอะไรได้น้อย เคล็ดลับของความสำเร็จอยู่ที่การจัดการเวลาของแต่ละคนมีประสิทธิภาพไม่เท่ากัน เรามาลองดูว่าเคล็ดลับที่สรุปมานั้นมีอะไรบ้าง

  • จัดระเบียบงานที่ต้องทำ เรียงลำดับความสำคัญก่อนหลัง กำหนดเวลางานที่ต้องทำและเสร็จ
  • ตื่นนอนในเวลาเดิมทุกวัน วิธีนี้จะช่วยให้ร่างกายของเราจดจำและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพขึ้น
  • อย่าทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมกัน การทำอะไรหลายอย่างพร้อมๆ กัน จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง
    เราควรทำงานให้เสร็จเป็นเรื่องๆ ไป โดยเรียงความสำคัญ
  • บันทึกหรือจดจำว่าแต่ละงานที่ทำใช้เวลาไปเท่าไหร่ เพื่อช่วยให้เราสามารถประเมินและวางแผนการทำงานได้
  • กำหนดว่าในแต่ละวันหรือช่วงเวลาไหนจะทำเรื่องอะไร เพื่อจัดระบบของความคิดและการเปลี่ยนเรื่องที่ทำจะช่วยให้ลดความล่าของสมองและร่างกาย
  • ทบทวนและวางแผนแต่ละวันก่อนนอน วิธีนี้จะช่วยให้สมองได้จัดระเบียบและพร้อมที่จะเริ่มทำงานใหม่ในวันรุ่งขึ้น
  • ทำให้ช่วงเวลาที่น่าเบื่อให้เป็นประโยชน์ เช่น ช่วงเวลาที่รถติด รอคิว หรือเดินทางไกล
  • อะไรไม่ควรอยู่ในห้องนอน เวลานอนควรเป็นเวลาที่พักผ่อนจริงๆ สมองจะใช้เวลานี้จัดระเบียบความทรงจำและความคิด
    ดังนั้นอะไรที่รบกวนเวลานอน เช่น โทรศัพท์ โทรทัศน์ ไม่ควรอยู่ในห้องนอน
  • เริ่มต้นวันใหม่ด้วยงานที่สำคัญที่สุด เพราะงานที่สำคัญจะให้ผลลัพธ์ที่มีค่ากับเรามากกว่า

เป็นอย่างไรบ้างกับเคล็ดลับเหล่านี้ที่เรานำมาแชร์ สิ่งสำคัญนอกเหนือจากเคล็ดลับเหล่านี้คือการเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ

► โลกของคนตัวจิ๋ว

ฝีมือนักออกแบบคนไทย ! สร้างโลกของคนตัวจิ๋ว ด้วยจินตนาการสุดล้ำ
วันนี้จะพาเพื่อนๆ มาดูผลงานครีเอทีฟฝีมือคนไทยกันบ้าง ภาพผลงานของโลกคนตัวจิ๋ว เหล่านี้
เป็นฝีมือของนักออกแบบชาวไทยนามว่า คุณสุชาณัฐ ชิดไทย ในชื่อเฟสบุคแฟนเพจ peeowhyhymoaad
ซึ่งผลงานของเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์อนิเมชั่นของญี่ปุ่นอย่างเรื่อง
Arrietty (อาริเอตี้ : ที่มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับโลกมหัศจรรย์ของคนตัวจิ๋ว)

โดยผลงานครีเอทีฟสุดล้ำเหล่านี้ เกิดจากการนำสิ่งของเล็กๆ ที่หาได้ง่ายๆ จากรอบตัวของเขา
ไม่ว่าจะเป็นกระป๋อง ขวดน้ำ ถุงซอส อาหาร และอุปกรณ์อื่นๆ นำมาจัดองค์ประกอบ
และใส่จินตนาการเข้าไปเพื่อสร้างโลกสำหรับคนตัวจิ๋วขึ้นมา ซึ่งในแต่ละภาพนั้นสามารถ
สื่อถึงเรื่องราวและสถานการณ์ต่างๆ ของหุ่นคนตัวจิ๋วได้อย่างเก๋ไก๋และครีเอทีฟได้ใจ
เป็นการสร้างสิ่งเล็กๆ ให้เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งผลงานของเขายังได้รับความสนใจ
จากสื่อเว็บไซต์ในต่างประเทศอีกด้วย ลองมาชมภาพผลงานสุดฮิปนี้กันได้เลย

เครดิต : https://news.thaiware.com/7125.html
ที่มา : canyouactually.com